อุดรธานีจับ ทหารและตำรวจปลอม หลอกสาว

8/9/58
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2558 เวลา 11.00 น. ที่ สภ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมด้วย
พล.ต.ธนกร จงอุตส่าห์ ผบ.มทบ.24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม
พ.อ.ประกาศิต อรดี รอง ผบ.มทบ.24
พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี
พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.

ร่วมแถลงจับกุม

1. นายสันทัศน์ อุผำ อายุ 36 ปี หรือผู้กองต้น อยู่บ้านเลขที่ 198 หมู่ 15 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี

พร้อมของกลาง

- ชุดเครื่องแบบทหารบกประดับ ยศร้อยเอก 1 ชุด
- บัตรประจำตัวข้าราชการทหารปลอม 1 ใบ
- รถยนต์มาสด้า 2 สีขาว ทะเบียนจังหวัดหนองคาย 1 คัน

และ

2. นายทัตเทพ ครองยุติ อายุ 25 ปี หรือผู้หมวดโอม อยู่บ้านเลขที่ 38/10 ถ.ศรีสุข ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 

พร้อมของกลาง

- ชุดเครื่องแบบตำรวจ ประดับยศ ร.ต.ท. 1 ชุด
- นามบัตรระบุชื่อ ร.ต.ท.ทัตเทพ ครองยุติ ตำแหน่ง รอง สว.สส.บก.ภ.4 ทำหน้าที่ปราบปรามสินค้าทางน้ำผิดกฎหมาย 1 ใบ

หลังมีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจหลอกลวงหญิงสาว

พล.ต.ต. ชัยญัติ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.อุดรธานี ว่ามีชายแต่งกายคล้ายทหารยศ ร.อ.มาติดพันเพื่อนพยาบาลจนมีความสนิทสนมกัน จากนั้นขอยืมเงิน 5 หมื่นบาทโดยอ้างว่าจะนำไปโอนที่ดินแล้วไม่ยอมคืน ทำให้สงสัยว่าจะเป็นทหารปลอม เนื่องจากมีเพื่อนหลายคนเคยเห็นทหารคนนี้ ไปหลอกลวงหญิงสาวในลักษณะเดียวกันอีกหลายพื้นที่ โดยอ้างตัวเป็น

ร.อ.ธนาวัฒน์ ศิลศิริ ตำแหน่ง ผบ.ร้อย ค่ายสีหราชเดโชไชย กรมทหารราบที่ 8 จ.ขอนแก่น

จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ชาญณรงค์ นำกำลังฝ่ายสืบสวนออกตรวจสอบจนกระทั่งพบว่า ชายคนที่อ้างตัวเป็น ร.อ.ธนาวัฒน์ คือนายสันทัศน์ มีอาชีพเลี้ยงไก่ชนขายทางเว็บไซต์ และจับกุมได้ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 2 จ.อุดรธานี ขณะกำลังจะเดินทางไปหลอกลวงหญิงสาวทางภาคเหนือ

เมื่อเข้าตรวจค้นบ้านพักก็พบเครื่องแบบทหารบกติดยศ ร.อ.ซุกซ่อนอยู่ จากการสอบสวนยังพบด้วยว่าเมื่อปี 51 นายสันทัศน์ ยังหลอกหญิงสาวว่าสามารถฝากเข้ารับราชการทหารได้ทำให้สูญเงินไปคนละ 3 หมื่นบาท

ด้าน พ.ต.ท.ชาญณรงค์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารายนี้หลอกหญิงสาวมาแล้วหลายราย ส่วนใหญ่จะเป็นพยาบาล

- รายแรก เป็นพยาบาลอยู่ที่คลินิกเสริมความงามที่ จ.หนองคาย อยู่กินกันนานกว่า 3 ปีต้องสูญรถยนต์เก๋งไป 1 คันพร้อมเงินสดอีกกว่า 1 แสนบาท

- อีกรายเป็นพยาบาลที่จ.อุดรธานี ถูกหลอกอยู่กินด้วยกันนาน 3 เดือนสูญเงินไป 5 หมื่นบาท

- รายล่าสุดเป็น นักเรียนชั้น ม.6 อายุเพียง 17 ปีคบหากันนาน 1 ปี โดยหลอกว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะมาสู่ขอ

- นอกจากนั้นยังไปหลอกลวงแม่ค้าขายพริกที่โคราช อยู่กินนาน 2 ปี และ

- สาวโรงงานที่ จ.กาฬสินธุ์ มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ขวบ ปัจจุบันแยกทางกันแล้ว

รวมแล้วมีหญิงสาว ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 10 ราย สูญเสียทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 1 ล้านบาท

ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่กล้าแจ้งความ เพราะเกิดความอับอาย

นายสันทัศน์ รับสารภาพว่า เรียนจบชั้นปวส.ที่กรุงเทพฯ แต่เรียน รด.จบชั้นปี 5 ได้ยศ ว่าที่ ร.ต. จากนั้นหาซื้อเครื่องแบบทหารมาติดยศ ร.อ. แล้วออกหลอกลวงหญิงสาวเพื่อหาเงินใช้และยังได้หลับนอนอยู่กินอย่างสบาย

ส่วนที่เลือกจีบสาวพยาบาลเพราะเห็นว่ามักชอบคนในเครื่องแบบ เวลาขับรถเก๋งผ่าน ด่านตรวจก็จะทำทีเป็นจอดแวะตรวจความเรียบร้อยและดื่มกาแฟ เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับสาว ๆ ที่ถูกหลอก ให้เชื่อว่าเป็นทหารจริง

พ.ต.ท.ชาญณรงค์กล่าวต่อว่า ส่วนนายทัตเทพ มีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังได้รับแจ้งจากพยาบาลสาวร.พ.แห่งหนึ่ง ขอให้ช่วยตรวจสอบชายที่แต่งกายเป็นตำรวจยศ ร.ต.ท. ที่กำลังจะแต่งงานกับเพื่อนพยาบาลในเดือน พ.ย.นี้ เพราะไม่เชื่อว่าเป็นตำรวจจริง

ฝ่ายสืบสวนจึงไปตรวจสอบที่ลานจอดรถภายในโรงพยาบาล พบ

รถยนต์ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน กพ 4469 อุดรธานี

ภายในรถมีชายสวมเครื่องแบบตำรวจยศ ร.ต.ท.นั่งอยู่จึง เข้าสอบถาม โดยนายทัตเทพ อ้างว่าตัวเองชื่อ

หมวดโอม หรือ ร.ต.ท.ทัตเทพ ครองยุติ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 66 

แต่เมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบในสารบบตำรวจ จึงนำตัวไปสอบสวนจนยอมรับสารภาพว่า เครื่องแบบตำรวจเป็นของลุงที่เคยเป็นตำรวจในสังกัด บช.ภ.4 ซึ่งได้ขโมยเอามาสวมใส่เพื่อใช้หลอกหญิงสาว

รายล่าสุดเป็นพยาบาลสาวที่คบหากันมานาน 3 ปีและมีกำหนดจะแต่งงานกันในเดือน พ.ย.นี้ โดยได้เตรียมงานและถ่ายรูปพรีเวดดิ้งชุดแต่งงานที่ตนสวมเครื่องแบบตำรวจเต็ม ยศกันไว้แล้วด้วย จนกระทั่งถูกจับ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา

นายสันทัศน์ ข้อหา

- แต่งเครื่องแบบทหารที่ทหารยังคงใช้ในราชการอยู่ โดยไม่มีสิทธิจะแต่งได้โดยชอบด้วยกฎหมาย 
- พรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 18 ปี 
- ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น 

นายทัตเทพ ข้อหา

- แต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ 

หากพบว่าเคยก่อเหตุหลอกลวงเหยื่อจนสูญเสียทรัพย์สินอีกก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น