ภ.5 ทลายโอเกะค้ากาม หมายจับคนตระกูลดังเชียงใหม่

24/9/59
เมื่อ 24 กันยายน 2559

รอง ผบช.ภ.5 แถลงผลงานตัดวงจรค้ามนุษย์ บุกสถานบริการบังหน้าเบื้องหลังค้ากามย่านช้างคลาน เมืองเชียงใหม่ ได้ผู้ต้องหา 6 ราย ยึดทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท พร้อมออกหมายจับคนในตระกูลดัง "รุ่งธนเกียรติ" ผู้อยู่เบื้องหลัง

พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-23 กันยายน จับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้ 26 คดี ผู้ต้องหา 30 คน และมีผู้เสียหาย 47 ราย
แบ่งเป็นพื้นที่

เชียงใหม่ 18 คดี 
เชียงราย 6 คดี พะเยา และ
แพร่ จังหวัดละ 1 คดี

พล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้จับกุม

นายสืบพงศ์ เหนะ พร้อมกับพวกอีก 5 คน 

ผู้ร่วมดูแล

ร้านคาราโอเกะหลายแห่งย่านถนนช้างคลาน ถนนเจริญเมือง และถนนศรีดอนไชย กลางเมืองเชียงใหม่ 

ที่เปิดร้านคาราโอเกะบังหน้า เบื้องหลังค้ากามเด็กหญิงที่ล่อลวงมาจากผู้ปกครอง พร้อมกันนี้ได้ทำการยึดอายัดบ้าน ที่ดิน ตลอดจนทรัพย์สินมีค่าทั้ง สมุดบัญชีธนาคาร โฉนดที่ดิน รถยนต์ ของเครือข่ายดังกล่าวได้ รวมมูลค่านับ 100 ล้านบาท

โดยร้านคาราโอเกะเหล่านี้มีพฤติกรรมแอบแฝงค้าบริการทางเพศเด็กมานานแล้ว โดยให้เด็กมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ เมื่อลูกค้าถูกใจก็จะออฟเด็กไปร่วมหลับนอน คิดค่าบริการครั้งละ 3,000-5,000 บาท แต่ละคืนก็จะมีเด็กสาวหน้าตาดีมานั่งล่อลูกค้าบริเวณหน้าร้านเพื่อดึงดูดเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ขอศาลออกหมายจับ

นายบุญยสิทธิ์ รุ่งธนเกียรติ นายทุน และผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังรวม 3 หมายจับ และพวกอีก 2 คน ที่ควบคุมดูแลเด็กสาวให้ขายบริการทางเพศ ซึ่งทั้งสามยังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมกันสนองความใคร่ของผู้อื่น คดีนี้มีผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 7 ราย

ส่วนอีกคดี เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจ

ร้านบางแสน 1 ถนนเจริญราษฎร์ ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ 

พบเปิดบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ไม่มีใบอนุญาตประกอบการ นอกจากนี้ยังพบป้ายโฆษณาเป็นภาษาต่างประเทศ ซึ่งแปลได้ว่า พนักงานโคโยตี้ของร้านสามารถออกไปกับลูกค้าได้โดยให้สอบถามกับพนักงานโคโยตี้ และสามารถเช่าห้องวีไอพีส่วนตัวได้จนถึงเวลา 03.00 น. ในราคา 500 บาท

จากการตรวจสอบพนักงานของทางร้าน พบว่า เป็นผู้เสียหายจาการค้ามนุษย์จำนวน 10 คน โดยมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 2 คน 

จากการสอบถามผู้เสียหายเบื้องต้นทราบว่า ต้องทำยอดค่าบริการนั่งดื่ม หรือค่าดริ้งก์ ให้ได้ตามเป้าที่ร้านกำหนด หากไม่ถึงเป้าก็จะถูกมาม่าของร้านบังคับให้ออกไปกับลูกค้าเพื่อขายบริการทางเพศ จึงได้จับกุมเจ้าของสถานบริการ และผู้ดูแลพนักงานในร้านอีก 2 คน จากการสอบสวนทราบว่า ร้านบางแสนมีอยู่ 2 สาขา จึงได้สั่งปิดบริการทั้ง 2 แห่ง โดยไม่มีกำหนด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น