จับกุมผู้ต้องหาปล้นทรัพย์ ธ.กสิกรไทย โลตัส พระราม 1 กว่า 13 ล้านบาท

7/7/58
 
 
 
ตามนโยบาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ให้ทุกพื้นที่เร่งรัดสืบสวนปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีอาญาทุกประเภท ตลอดจนคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และคดียาเสพติดอย่างต่อเนื่องตลอดมา

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 เวลา 11.30 น.
ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น., 
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก., 
พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น., 
พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น., 
พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น., 
พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น., 
พล.ต.ต.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ รอง ผบช.น., 
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น., 
พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น. , 
พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รอง ผบช.น. ได้เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องตลอดมา

พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6, 
พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.  
พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป., 
พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 ป, 
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.6, 
บก.สส.บช.น., และ บก.ป. 

ได้ร่วมกันทำการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามจับกุมคนร้าย พร้อมทรัพย์สินที่สูญหายไปตลอดมา

ได้ร่วมกันทำการจับกุม

1.นายทวีวงศ์ หรือ ตูน หอมเนียม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/71 ถ.สวรรคโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.456/2558 ลงวันที่ 6 ก.ค.2558 (คนซ้อนท้าย + ยิง)

2.นายมารุต หรือ เบส แก่นคำหล่อ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/36 ถ.สวรรคโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.458/2558 ลงวันที่ 6 ก.ค.2558 (ขับรถรับ – ส่งคนร้าย)

3.นางสาวอารยา หรือ กระแต ผลารักษ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 279/53 ถ.นครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.457/2558 ลงวันที่ 6 ก.ค.2558 (ชี้เป้า)

ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่

นายศาตรา หรือ ตั้ม สุขสม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.1 ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.455/2558 ลงวันที่ 6 ก.ค.2558 (หลบหนี) (ผู้ขับขี่ จยย.)

วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ วันที่ 19 มิถุนายน 2558 เวลา17.09 น. ภายในบริเวณห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขา ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

วันเวลา สถานที่จับกุม วันที่ 6 กรกฎาคม 2558 เวลาประมาณ 23.45 น. ที่ บก.สส.บช.น.

พร้อมของกลาง

- อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยี่ห้อ สมิทแอนด์เวสสัน สีดำ จำนวน 1 กระบอก
- อาวุธปืนขนาด .38 ยี่ห้อ ทอร์รัส สีเงิน จำนวน 1 กระบอก

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนยิง และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมฯ”

พฤติการณ์คือ ด้วยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2558 เวลา 17.09 น. เกิดเหตุคนร้ายสองคนใช้รถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะบุกปล้นถุงเงินสดจากพนักงานควบคุมรถขนเงิน หมายเลข 134 ของบริษัท โพรเกรส กันภัย จำกัด ที่ภายในบริเวณห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขา ถนนพระราม 1 ได้เงินสดเป็นเงินสกุลไทย และเงินสกุลต่างประเทศ รวมกันเป็นเงินจำนวน 13,165,387.29 บาท 

โดยพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มีพฤติการณ์กระทำความผิดในลักษณะที่อุกอาจ และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ

จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน, กองปราบ, บก.สส.บช.น., บก.น.6, สน.ปทุมวัน กองบัญชาการตำรวจนครบาลกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และ สน.ปทุมวัน โดยได้วิเคราะห์ข้อมูลแผนประทุษกรรมของ

กลุ่มคนร้ายในครั้งนี้จนกระทั่งสามารถสืบสวนทราบชื่อของกลุ่มคนร้าย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่เชื่อได้ว่ากลุ่มของคนร้ายได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง จนกระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้พิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด แล้วติดตามจับกุมผู้ต้องได้ 3 คน จากการสอบถามนายทวีวงศ์ หรือตูน ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่าได้คิดวางแผนก่อเหตุปล้นถุงเงิน ร่วมกับนายศาตรา หรือ ตั้ม มาเป็นระยะเวลา 1 ปี และได้สามารถลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ได้เพราะสบโอกาส โดยในวันที่ก่อเหตุ นายทวีวงศ์ ได้ให้นายมารุต หรือเบส เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปพบกับนายศาตรา หรือ ตั้ม ที่บริเวณศาลาซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอาคารทิปโก้ และแยกระนอง 1 ถ.เลียบทางรถไฟ 

จากนั้นได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เพื่อเดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ โดยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮา รุ่นมีโอ เอ็มเอ็กซ์ 125 สีขาวน้ำเงิน โดยมี นายศาตรา หรือ ตั้ม เป็นผู้ขับขี่ และนายทวีวงศ์ หรือ ตูน เป็นผู้นั่งซ้อนท้าย เมื่อเดินทางไปถึงห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาถนนพระราม 1 ในครั้งแรกไม่พบรถตู้ขนเงินเป้าหมาย จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปโดยมี น.ส.อารยา หรือ กระแต ซึ่งเป็นภรรยาของนายทวีวงศ์ หรือ ตูน ได้ร่วมกระทำความผิดในครั้งนี้ด้วยโดยเป็นผู้ที่ชี้เป้าในวันเกิดเหตุให้กลุ่มคนร้าย จากนั้นได้วนเข้ามาในลานจอดรถ ชั้น 2 เป็นครั้งที่สอง โดยในครั้งนี้พบรถตู้ขนเงินเป้าหมายจอดอยู่ จึงได้ไปจอดรถรอที่บริเวณทางเข้า-ออกห้าง ชั้นที่ 2 ต่อมาได้พบพนักงานของรถขนเงินถือถุงเงินเดินมาที่บริเวณด้านท้ายของรถตู้ จึงได้ลงมือก่อเหตุ และหลบหนีไปพร้อมกับถุงเงินโดยได้นัดหมายกับนายมารุต หรือเบส ให้มารอรับที่บริเวณศาลาข้างอาคารทิปโก้และ แยกระนอง 1 ถ.เลียบทางรถไฟ 

จากนั้นได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย และแยกกับนายศาสตรา หรือ ตั้ม โดยให้ไปนัดเจอกันอีกครั้งที่บริเวณริมกำแพง ใกล้ต้นโพธิ์ ชุมชนป้ายเจ็ด ถ.สวรรคโลก แขวงสวนจิตรลาด เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบถุงเงินให้กับนายศาสตรา หรือ ตั้ม และต่อมาในภายหลังได้มีการแบ่งเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดให้แก่คนร้ายที่ร่วมลงมือก่อเหตุ นอกจากนนี้จากการสืบสวนยังพบว่ามี น.ส.อารยา หรือ กระแต ซึ่งเป็นภรรยาของนายทวีวงศ์ หรือตูน ได้ร่วมกระทำความผิดในครั้งนี้ด้วยโดยเป็นผู้ที่ชี้เป้าในวันเกิดเหตุโดยกลุ่มคนร้ายได้มีการแบ่งทรัพย์สินกันและนำไปใช้ซื้อทรัพย์สินต่างๆ เช่น บ้าน นาฬิกาโรเล็กซ์ สร้อยคอทองคำ พระเครื่อง ฯลฯ

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถตรวจยึดอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยี่ห้อ สมิทแอนด์เวสสัน สีดำ จำนวน 1 กระบอก และ อาวุธปืนขนาด .38 ยี่ห้อ ทอร์รัส สีเงิน จำนวน 1 กระบอก ซึ่งนายทวีวงศ์ ได้ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมว่า เป็นอาวุธปืนที่ตนกับนายศาตรา หรือ ตั้ม ได้นำไปใช้ก่อเหตุจริง โดยหลังก่อเหตุได้นำไปฝากไว้กับนายมารุต แต่นายมารุต กลัวความผิดจึงได้นำไปซุกซ่อนไว้ในถังพลาสติกที่อยู่ระหว่างบ้านพักซึ่งใช้เป็นที่เก็บขวดน้ำพลาสติก โดยนาย ทวีวงศ์ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายมารุต ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้ร่วมมือกระทำความผิดจริง ส่วน น.ส.อารยา ผู้ต้องหาที่ 3 ให้การภาคเสธ และนายศาตรา หรือ ตั้ม สุขสม ผู้ต้องหาที่หลบหนี 1 หลบหนีไป โดยอยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

ทั้งนี้ในการกระทำความผิดครั้งนี้ กลุ่มของคนร้ายได้ร่วมกันวางแผนลงมือกระทำความผิดในครั้งนี้เนื่องจากต้องการเงินนำไปใช้สอยเพื่อประโยชน์ส่วนตน  

- นายทวีวงศ์ หรือ ตูน ต้องการหาเงินไว้ใช้สำหรับต่อสู้คดีที่ตนถูกแจ้งดำเนินคดีที่ สน.ดินแดง ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อ 13 ส.ค.2556
มีประวัติถูกจับกุมข้อหา พกพาอาวุธปืนฯ ท้องที่ สน.นางเลิ้ง เมื่อ 29 ธ.ค.2552

- นายมารุต แก่นคำหล่อ มีประวัติถูกจับกุมข้อหา พรากผู้เยาว์ฯ ท้องที่ สภ.คลองหลวง เมื่อ 11 เม.ย.2549

- นายศาสตรา สุขสม มีประวัติ ถูกจับกุมข้อหา พยายามฆ่าฯ ท้องที่ สน.บุปผาราม เมื่อ 10 เม.ย.2554
และ ข้อหา ทำร้ายร่างกาย ท้องที่ สน.สำราญราษฎร์ เมื่อ 19 มิ.ย.2547

ที่มา FB กองบัญชาการตำรวจนครบาล https://goo.gl/GQnaKS

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น